ลักษณะทางพุทธศิลป์ของพระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย ที่มีลักษณะเด่น แตกต่างไปจาก
สุโขทัยยุคอื่นๆ มีพุทธลักษณะเฉพาะมีพระเกศมาลาใหญ่ยาวเป็นเปลวเพลิง วงพระพักตร์ใหญ่ รายละเอียดส่วน
พระเศียร มีพระเกศาขนดทักษิณาวัตรเป็นก้นหอยขนาดใหญ่ พระขนง พระเนตร พระกรรณ พระนาสิก พระโอษฐ์ พระหนุ พระปรางใหญ่ พระนลาฏกว้างมีอุณาโลมประดับอยู่กลางพระนลาฏที่กว้างดูเป็นเอกลักษณ์งามตา
พระศอใหญ่ พระอุระผาย พระถันอิ่ม โดยเฉพาะพระวรกายมีเส้นพระปรัศว์ตั้งตรง ไม่อ่อนโค้งแบบพระ
สุโขทัยหมวดอื่น มีพระวรกายที ่ใหญ่ ดูแข็งแรง มีบั ้นพระเอวเป็นลอนสันเล็กน้อย พระนาภีน้อยบางๆ มีสังฆาฏิ
ยาวปลายหยักเป็นเขี้ยวตะขาบ เอกลักษณ์ที่สำคัญที่แตกต่างจากพระสุโขทัยหมวดอื่นคือ นิ้วพระหัตถ์ทั้งสี่มี
ความเรียวยาวเสมอกัน(ทีฆองคุลี) ฝ่าพระบาท มีลักษณะที่แบนราบ พระชานุกลมมนใหญ่
ในด้านรูปแบบพุทธศิลป์ (พระมหาจีรวัฒน์ กนฺตวณฺโณ, 2560) ถือกันว่าพระพุทธชินราชเป็นฝีมือสกุล
ช่างพิษณุโลกหรือหมวดพระพุทธชินราช คือมีลักษณะทั่วไปแบบหมวดใหญ่ของสุโขทัย แต่มีส่วนที่แตกต่าง คือ พระพักตร์และพระวรกายอวบอ้วนมากกว่าและที่สำคัญคือมีนิ้วพระหัตถ์ทั้งสี่ยาวเสมอกัน ซึ่งถือเป็นรูปแบบใหม่และมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ซึ่งหล่อขึ้นในสมัยเดียวกันนี้อีก 3 องค์ คือ พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา จาก
แบบอย่างพุทธศิลป์อันงดงามของพระพุทธชินราชทำให้มีการหล่อจำลองเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐาน
ในวัดต่างๆ เช่นวัดเบจมบพิตร วัดนวลนรดิศ วัดพุทธประทีป วัดวชิรธัมมปทีป วัดศรีนครินทรวราราม เป็นต้น
ในด้านรูปแบบการผลิตพระพุทธชินราชขนาดพระบูชา ได้มีการปรับตัวไปตามยุคสมัย ตามความพร้อม
ของบุคลากร เครื่องมืออุปกรณ์ เทคนิคและเทคโนโลยีที่มีสมัยนั้นๆ ศิลปะของพระพุทธชินราชมีพัฒนาการไม่
มากนักด้วยรูปแบบการจัดสร้างจำลองแบบองค์จริง
ลักษณะทางศิลปกรรม
สำหรับพระพุทธชินราชจำลองสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ตามกลุ่มช่างพื้นที่ที่มีพระพุทธชินราช
ประดิษฐานอยู่หลักๆ คือ
1. พระพุทธชินราชองค์จำลองขนาดพระบูชา ที่จัดสร้างโดยช่างกลุ่มบ้านช่างหล่อ นิยมสร้างจำลอง
แบบพระพุทธชินราชองคจำลองที่ประดิษฐานเป็นพระประธานประจำวัดเบญจมบพิตร กรุงเทพมหานคร –
– ส่วนใหญ่นิยมสร้างรูปแบบฐานกลมมน
– ซุ้มมีลวดลายตื้นๆ ยอดซุ้มเป็นเส้นโค้ง ใบระกามีช่องว่างที่มีระยะห่างในตัว
– มีลวดลายสามเหลี่ยมติดประดับตรงยอดรอยประกบซุ้ม เนื่องจากรูปถ่ายสมัยก่อนนั้นยังไม่ชัดเจน
การถ่ายภาพมุมสูงระยะไกลให้ชัดเจนเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ทำให้มองเห็นเหล็กหมุดยึดที่ยึดไม้ให้แน่นแล้วปิดทอง มองเห็นเป็นเหมือนกรอบสามเหลี่ยม จึงมีการทำผลงานออกมาตามภาพที่เห็น
– ช่องไฟระหว่างเรือนซุ้มกับข้างแขนจะมีระยะห่างมาก ดูขนาดรวมๆ ซุ้มเรือนแก้วมีขนาดเล็ก
– มกรมีความกลมมน หันหน้าออกข้าง ขาซุ้มเรือนแก้วนิยมเป็นขาเจาะติดฐาน
– นิยมสร้างเป็นเนื้อโลหะผสม พุทธลักษณะแบบสุโขทัยผสมแบบรัตนะโกสินทร์
– ยุคก่อนปี 2515 ไม่มียักษ์ประดับที่ฐาน
– ปี พ.ศ.2514 มีการสร้างรูปแบบจำลองตามแบบพระพุทธชินราชองค์จริงที่พิษณุโลก เป็นรุ่นที่มี
ความงดงามเป็นที่นิยม เป็นเนื้อโลหะทองผสมผิวกลับ และปิดทอง ลวดลายซุ้มเรือนแก้วคล้ายขององค์จริง ยังคง
เอกลักษณ์บ้านช่างหล่อ
– ยุคหลังมีการสร้างยักษ์ติด รูปแบบของยักษ์ท้าวเวชสุวรรณเป็นชาย แต่ท้าวอาฬวกยักษ์จะสร้าง
เป็นยักษ์เพศหญิง มีเต้าพระถันชัดเจน
2. พระพุทธชินราชองค์จำลองขนาดพระบูชา ที่จัดสร้างโดยกลุ่มช่างเมืองพิษณุโลก นิยมสร้าจำลอง
แบบพระพุทธชินราชองค์จริง ที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ จังหวัด
พิษณุโลกเป็นหลัก พุทธลักษณะเป็นสุโขทัยหมวดพิษณุโลก นิยมสร้างจำลองหลากหลายลักษณะ และด้วยเหตุที่ จ.ส.อ.ทวี บูรณเขตต์ เป็นครูใหญ่ของช่างเมืองพิษณุโลก เป็นผู้ริเริ่มบุกเบิกก่อตั้งโรงหล่อ และเป็นช่างปั้นช่าง
หล่อพระพุทธชินราชจำลองเป็นแห่งแรกของพิษณุโลก รูปแบบในการจัดสร้างส่วนใหญ่จึงมีรูปแบบลักษณะ
เดียวกัน คือ
– พระพุทธชินราชจำลองรุ่นปีพ.ศ.2512 เป็นรุ่นแรก รูปแบบศิลปะโดยรวมยังคล้ายกับบ้านช่างหล่อ
มีฐานมน ลวดลายซุ้มยังเป็นลวดลายไทยแบบตื้นๆ ด้วยข้อจำกัดของการหล่อแบบพิมพ์ดิบ มกรหัวติด หลังซุ้ม
แบนเรียบ องค์อวบอิ่มแบบสุโขทัย พุทธลักษณะองค์พระละม้ายองค์จริง สร้างจำลองด้วยโลหะทองผสมผิวกลับ
ยังไม่มีการประดับตกแต่งสี และยังไม่มียักษ์ประดับที่ฐานชุกชี
– รูปแบบการจำลองพระพุทธชินราชพิษณุโลกเริ่มเปลี่ยนแปลงเมื่อปี พ.ศ.2514-พ.ศ.2516 เป็นพระ
พุทธชินราชจำลองที่ใส่รายละเอียดแบบองค์จริง การการสร้างเอกลักษณ์ใหม่คือ
– เป็นงานหล่อโลหะทองเหลืองขัดโป๊วปิดทอง
– ช่วงองค์พระโครงสร้างมีรูปแบบฟอร์มเป็นลัษณะโครงสี่เหลี่ยม
– ซุ้มเรือนแก้วจำลองแบบองค์จริง มีรายละเอียดย่อลายจากซุ้มเรือนแก้วองค์จริง และมีการปรับเปลี่ยนลายเป็นลายไทยมากขึ้น
– ใบระกาซุ้มเรือนแก้วส่วนใหญ่มีการฉลุร่องแยกช่องไฟของใบ
– มกร ปั้นหัวแยกผงาด ลำตัวยึด ขาเจาะทะลุ
– มีแป้นกลีบบัวรองรับมกร มีหลอดใส่ขาซุ้มเรือนแก้ว
– ระยะช่องไฟ ระหว่างเรือนแก้วมีช่องไฟเล็กๆ ไล่เสมอข้างแขน
-ยอดซุ้มตรง มีรายละเอียดการแกะที่ลึก คมชัดขึ้น
-มีการออกแบบตราเครื่องหมายสัญลักษณ์บนผ้าทิพย์ประดับที่ฐาน
-มีการออกแบบเป็นฐานฉลุ บริเวณฐานร่องขาสิงห์ มียักษ์ประดับทั้งสองตน
– มีการประดับพลอย แสะทาสีแดงที่ขอบฐาน ให้ตัดกับสีทองของแบบจำลอง
– พ.ศ.2516-พ.ศ.2517 เริ่มมีการออกแบบการจัดสร้างเป็นฐานเหลี่ยมย่อมุมแบบฐานองค์จริง แต่
ยังไม่ได้ใส่ลวดลาย มีการปรับแต่งรายเอียดองค์พระให้มีลักษณะอวบอิ่มมีความสมบูรณ์เด่นชัดมากขึ้น
– พ.ศ.2518-พ.ศ.2520 เริ่มมีการออกแบบการจัดสร้างเป็นฐานเรียบย่อมุมไม่มีลวดลายประดับ มี
การพระพุทธลักษณะขององค์อวบอิ่มขึ้น มีการทาสีน้ำเงินที่บริเวณพื้นผ้าทิพย์
เมื่อระยะเวลาผ่านมากว่า 50 ปี สมาคมพระเครื่องพระบูชาได้จัดให้พระพุทธชินราชจำลองผลงาน
จ.ส.อ.ทวี บูรณเขตต์ปีพ.ศ.2514, 2515, 2516, 2517, 2520 เป็นพระพุทธชินราชชุดเบญจภาคี สกุลช่าง
พิษณุโลก จ่าทวี จากนั้น ได้มีการสร้างรุ่นอื่นๆ ที่มีการปรับปรุงเปลี่ยน่แปลงพุทธลักษณะของพระพุทธชินราช
จำลอง ให้มีเอกลักษณ์ประจำรุ่นเรื่อยมา เช่น
– หลังจากนั้นได้มีการสร้างพระพุทธชินราชฐานลายจำลองแบบฐานองค์จริงมีใส่ผ้าทิพย์ ใส่
เครื่องหมายประจำรุ่น หรือเครื่องหมายอกเลาก็มี ในรูปแบบของพระพุทธชินราชปิดทอง
– ปี พ.ศ.2552 จ.ส.อ.ทวี บูรณเขตต์ได้ริเริ่มให้มีการจัดสร้างพระพุทธชินราชจำลองเนื้อโลหะสำริด
ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยใช้เทคนิคการหล่อปูนทราย
– ปี พ.ศ.2560 วาระพระพูทธชินราชครบรอบ 600 ปี วัดพระศรีรัตนะมหาธาตุวรมหาวิหารได้ให้
ช่างพิษณุโลกริเริ่มสร้างพระพุทธชินราชจำลองเนื้อโลหะทองแดง เป็นครั้งแรก
– ปี พ.ศ.2562 จ.ส.อ.ทวี บูรณเขตต์ได้ริเริ่มให้มีการจัดสร้างพระพุทธชินราชจำลองเนื้อโลหะ
บรอนซ์ หรือสำริดนอกขึ้นเป็นครั้งแรก ได้ใช้เทคนิคการหล่อที่หลายหลายประสมประสานกัน เป็นจุดเริ่มต้นของ
การสร้างพระพุทธชินราชจำลองด้วยโลหะสำริดเป็นต้นมา


